สอนเล่นหุ้น
ควรรู้การ สอนเล่นหุ้น หรือลงทุนในหุ้นที่เป็นการซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีสองตลาดสำหรับการซื้อขายหุ้นนี้ ตลาดหลักและตลาดรอง หรือซื้อขายหุ้นใน IPO (การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก) เนื่องจากบริษัทต้องการระดมเงินจากนักลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ ราคาหุ้นจะถูกกำหนดเป็นทุนสำรองของนักลงทุน การซื้อหุ้น IPO จะต้องจองผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย เช่น บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์มอบหมายให้ซื้อขายหุ้นในตลาดรองเพื่อซื้อขายหุ้นต่อไป ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่เรามักได้ยินเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ที่ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงไปตามผลการดำเนินงานของบริษัท ตามหลักอุปสงค์และอุปทานและสภาวะตลาด
สอนเล่นหุ้น ฉันต้องรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับหุ้นสำหรับผู้เริ่มต้น
ค่าตอบแทน
1- กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น (กำไรจากทุน) หรือจากส่วนต่างระหว่างราคาหุ้นที่เราซื้อกับราคาที่เราขาย โดยปกติแล้วจะเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโต (Growth Stock) โดยมีผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องใช้การบ้านมากในการวิเคราะห์โอกาสในการทำกำไรมหาศาล ในการสร้างท่าเรือ ควรเน้นกลุ่ม อาจเป็นได้ทั้งการลงทุนและการคาดเดา แต่ยังเป็นโอกาสในการทำกำไรและขาดทุนอีกด้วย
2- เงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในปีที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้น เรียกว่า “เงินปันผล” มักจะเป็นธุรกิจที่มั่นคง ผลตอบแทนจากกระแสเงินสดที่ดีอยู่ที่ประมาณ 3-6% ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท และผลงานโดยให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากธนาคารแต่มีความเสี่ยงมากกว่าแต่จะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% ส่วนใหญ่สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว การลงทุนประเภทนี้มักเรียกกันว่าการลงทุนห่านทองคำที่ยังคงจ่ายเงินปันผลต่อไป
เสี่ยง
ความเสี่ยงในการลงทุนในหรือซื้อขายหุ้นสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วน: ความเสี่ยงภายใน เช่นเดียวกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ปัจจัยเสี่ยงภายในที่มาจากบริษัท เช่น ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท หรือ ฝ่ายบริหาร สำหรับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกนั้นมีมากมาย ไม่ว่าอุตสาหกรรมจะเปลี่ยนแปลงไป อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือปัจจัยอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเมื่อบริษัททำธุรกิจกับต่างประเทศ เช่น น้ำท่วม พายุ แรงกดดันทางการเมือง ล้วนส่งผลต่อราคาหุ้น
มีนักลงทุนหลายประเภท
1- นักลงทุนพื้นฐาน (Fundamental) นักลงทุนพื้นฐานจะต้องเข้าใจบริษัทที่ดีในการลงทุน และต้องแน่ใจว่าได้ศึกษาข้อมูลของบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อหุ้น วิเคราะห์แนวโน้มและจุดแข็งของธุรกิจเพื่อดูความสามารถของผู้บริหาร อ่านและตีความงบการเงินต่างๆ หลังจากนั้นจะประเมินมูลค่าหุ้นของบริษัทเป็นตัวเลข หากราคาหุ้นในตลาดต่ำกว่าอัตราส่วนที่น่าสนใจของมูลค่าพื้นฐานของหุ้น ให้ตัดสินใจซื้อเงินลงทุนและถือไว้ในระยะยาวตราบเท่าที่ธุรกิจยังคงเติบโตและรักษาอัตรากำไรที่ดี นักลงทุนประเภทนี้เชื่อว่ากำไรจะสะท้อนในราคาหุ้น (ไม่ช้าก็เร็ว) และถือว่าการซื้อหุ้นเป็นการได้มา ดังนั้นอย่าขายหุ้นบ่อยๆ เว้นแต่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
2- นักลงทุนเทคนิค (Technical) นักลงทุนสายเทคนิคสนใจพฤติกรรมราคาหุ้น ใช้ข้อมูลการซื้อขายในอดีต รวมทั้งราคาและปริมาณ เพื่อวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์ทิศทางในอนาคตของราคาหุ้น นักลงทุนด้านเทคนิคเชื่อว่าราคาที่แสดงนั้นสะท้อนถึงปัจจัยทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องศึกษาปัจจัยพื้นฐานที่สมบูรณ์ นักลงทุนด้านเทคนิคอาจไม่จำเป็นต้องรู้ว่าหุ้นที่พวกเขาซื้อกำลังทำอะไรอยู่ ผลลัพธ์เป็นอย่างไร? หรือใครเป็นนักแสดงแต่ซื้อเมื่อสัญญาณทางเทคนิคบอกว่าต้อง ขายเมื่อสัญญาณทางเทคนิคบอกว่าต้องขาย จะต้องมีจุดตัดขาดทุนที่กำหนดไว้อย่างดีด้วย นักลงทุนที่มีวินัยมีโอกาสที่จะขาดทุนหรือทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ หากราคาหุ้นไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้และจะต้องขายเพื่อตัดขาดทุน (cut loss) บางคนอาจซื้อขายในรอบหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หรือใช้ประโยชน์จากแนวโน้มใหญ่ๆ ประจำเดือน
ติดตามกิจกรรม กีฬา การละเล่นแปลกๆ แอปที่สนใจ เกมมาใหม่ หรือสิ่งที่กำลังเป็นที่สนใจ เราจะมาทำการแนะนำ และสอนวิธีในการเล่นสิ่งต่างๆ ให้คุณได้เข้าใจ และสนุกไปกับมัน ได้ที่นี้กับ www.howto-play.com